Apple ประกาศเปิดตัว iOS 26 อย่างเป็นทางการในงาน WWDC 2025 ที่ผ่านมา และถือเป็นหนึ่งในเวอร์ชันที่เปลี่ยนโฉมประสบการณ์การใช้งานอย่างแท้จริง ทั้งดีไซน์ใหม่สุดล้ำ ฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ และความสามารถใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน

นี่คือ 5 ฟีเจอร์เด่นของ iOS 26 ที่ผู้ใช้ iPhone ควรรู้ก่อนอัปเดต
1. Liquid Glass – ดีไซน์ใหม่ โปร่งใส ดูแพง
iOS 26 มาพร้อมกับการออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ในชื่อว่า Liquid Glass ซึ่งเปลี่ยนหน้าตา iPhone ไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งหน้าจอล็อก (Lock Screen), หน้าหลัก, เมนู และวิดเจ็ตต่าง ๆ จะมีความโปร่งใส ไล่เฉดสีอย่างมีมิติ สะท้อนแสงแบบกลาส ทำให้รู้สึกเหมือนใช้งานอุปกรณ์ระดับพรีเมียม
ดีไซน์ใหม่นี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก visionOS และ macOS Tahoe ที่เน้นความโปร่ง เบา และเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา
2. Apple Intelligence – AI ที่รู้ใจยิ่งกว่าที่เคย
Apple ยกระดับ AI ใน iOS 26 ภายใต้ชื่อใหม่ว่า Apple Intelligence ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะที่ฝังอยู่ทั่วทั้งระบบ ช่วยให้การใช้งาน iPhone ฉลาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น
- วิเคราะห์ภาพหน้าจอเพื่อค้นหาข้อมูล
- แปลภาษาเรียลไทม์ทั้งเสียงและข้อความ (Live Translation)
- สร้าง emoji หรือสรุปบทความให้อัตโนมัติ
- ใช้ Siri ในรูปแบบใหม่ที่เข้าใจคำพูดซับซ้อนได้ดีขึ้น
ฟีเจอร์ Apple Intelligence นี้จะรองรับเฉพาะ iPhone 15 Pro ขึ้นไปเท่านั้น
3. Call Screening – AI รับสายแทนคุณ
เบื่อไหมกับการโดนโทรขายประกัน หรือเบอร์แปลก ๆ โทรมากลางดึก?
iOS 26 จัดการปัญหานี้ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Call Screening ซึ่งให้ AI รับสายแทนคุณ แล้วถามปลายสายว่าโทรมาเรื่องอะไร พร้อมสรุปให้คุณดูแบบเรียลไทม์ว่า “คุ้มจะรับไหม”
นี่คือฟีเจอร์ที่ผู้ใช้ Android หลายคนใช้มานาน และตอนนี้ Apple ก็ใส่มาให้แล้วอย่างชาญฉลาด
4. Messages และ CarPlay ปรับโฉมใหม่หมด
แอป Messages ใน iOS 26 ได้รับการปรับปรุงแบบจัดเต็ม เพิ่มฟีเจอร์สนุก ๆ และฟีเจอร์ที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เช่น
- สร้าง Poll ในห้องแชทได้
- ปรับพื้นหลังแชทได้ตามใจ
- เพิ่มระบบแจ้งเตือนกลุ่ม
- ตรวจจับข้อความสแปมอัตโนมัติ
ขณะที่ CarPlay ก็ปรับโฉม UI ใหม่หมด เพิ่ม Widget, ควบคุมสายโทรฯ ง่ายขึ้น และแสดงสถานะสำคัญได้ตรงกลางหน้าจอ
5. ฟีเจอร์เล็ก ๆ ที่ใช้งานได้จริง
แม้จะไม่ใช่ไฮไลต์หลัก แต่ iOS 26 ยังมาพร้อมฟีเจอร์เล็ก ๆ ที่เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ใช้อย่างชัดเจน เช่น
- ดูเวลาชาร์จแบตเต็มล่วงหน้า
- ตั้งเสียงริงโทนจากไฟล์เสียงได้แล้ว
- รายงานพยากรณ์อากาศผ่านดาวเทียมแม้ไม่มีสัญญาณ
- เล่นเกม Emoji ในแอป Apple News+
- ตั้งเวลาปลุกแบบละเอียดถึงนาที
ฟีเจอร์เหล่านี้สะท้อนว่า Apple ให้ความสำคัญกับการใช้งานจริงของผู้ใช้มากขึ้น
สรุป: iOS 26 คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ทุกระดับ
| ฟีเจอร์ | จุดเด่น |
|---|---|
| Liquid Glass | ดีไซน์ใหม่ โปร่งใส เคลื่อนไหวสมูท |
| Apple Intelligence | AI แปลภาษา วิเคราะห์ภาพ สร้าง emoji |
| Call Screening | ให้ AI รับสายแทน ตรวจสอบ Spam |
| Messages/CarPlay | แชทสนุกขึ้น ขับรถปลอดภัยและสะดวกขึ้น |
| ฟีเจอร์อื่น ๆ | ตั้งริงโทนเอง, พยากรณ์อากาศ, ดูเวลาแบตฯเต็ม |
ใครอัปเดตได้บ้าง?
- iPhone 15 Pro / 15 Pro Max: ได้ใช้ทุกฟีเจอร์ รวมถึง Apple Intelligence
- iPhone 13–15 (ทั่วไป): ได้ดีไซน์ใหม่และฟีเจอร์หลัก ยกเว้น AI บางส่วน
- iPhone 11–12: ใช้งานได้บางฟีเจอร์
- iPhone XR / XS และรุ่นเก่ากว่า: ไม่รองรับ iOS 26
จะได้อัปเดตเมื่อไหร่?
- Developer Beta: เริ่มแล้วตั้งแต่ 10 มิถุนายน
- Public Beta: คาดว่าจะเปิดให้ทดสอบในเดือนกรกฎาคม
- ตัวเต็ม: เปิดให้ดาวน์โหลดพร้อม iPhone 17 ในเดือนกันยายน 2025
หากคุณใช้ iPhone รุ่นใหม่ ๆ อยู่แล้ว iOS 26 จะทำให้เครื่องของคุณ “ฉลาดขึ้นและน่าใช้ขึ้น” ทันที
และถ้าคุณกำลังลังเลว่าจะเปลี่ยนมือถือดีไหม iPhone ที่มาพร้อม iOS 26 ในตัว อาจเป็นจังหวะที่เหมาะที่สุดครับ



